โทรศัพท์มาในตอนเช้าปลุกผมให้ตื่นจากฝันของช่วงปลายฤดูหนาว เรื่องหลังจากนั้นทำผมให้ตื่นตัวมีสติ เพื่อนสาวครุ่นคิดถึงเรื่องที่แฟนหนุ่มเริ่มมีอาการเหินห่าง เรื่องที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ แม้ว่าเธอจะผ่านหูผ่านตาเรื่องพวกนี้ไม่เว้นในแต่ละวัน(ทั้งจากละครโทรทัศน์ เนื้อเพลงมากมายหลายที่วนเวียนอยู่ในเรื่องแบบนี้ หรือแม้กระทั่งภาพในชีวิตจริง) เธอบอกแฟนเธอกำลังมีคนใหม่ สาวกว่า สวยกว่า น่าสนใจดูดีกว่าที่เธอเป็นมากมาย(เรื่องนี้ผมเห็นพ้องด้วย) วิญญาณคนช่างสังเกตเริ่มเข้าสิงเธออย่างเป็นรูปธรรม เธอวิเคราะห์พฤติกรรมต่างๆที่เปลี่ยนไปของสามีให้ผมฟังเป็นฉากๆ ระหว่างเล่าอาจเป็นจุดการทบทวนเรื่องซ้ำของเธออีกระลอกหนึ่ง เล่าไปหัวเราะไปซึมไป คละเคล้าอารมณ์ของเธอในแต่ละช่วง เรื่องราวที่เธอเล่าดำเนินไปถึงสิ่งที่เธอวิเคราะห์ไว้ท้ายสุด...บางทีเขาอาจจะ “เบื่อ” คำที่ทำความเข้าใจได้ยากเต็มที...เพราะสำหรับผมนั้น รักไม่ใช่ “แฟชั่น” มีมามีไปตามช่วงเวลา
๑
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นเรื่องยากต่อการชี้ชัด และมีบทพิสูจน์ที่ยากต่อการค้นหา เราจะรู้ได้อย่างไรคนที่เรามองสบสายตากันทุกวันจะไม่ทิ้งเราไปในยามเราลำบาก อับจน หรือแก่เฒ่า หรือจะผิดสัญญาเท่ๆที่เขาหรือเธอเคยรับคำไว้ในช่วงอากาศดีหรือบรรยากาศเป็นใจ
ในสมัยที่ผู้คนซื้อของมักดูจากการบรรจุหีบห่อหรือการออกแบบที่ถูกใจตน เหมือนเช่นการซื้อของในห้างสรรพสินค้าที่มองแต่รูปลักษณ์คำกล่าวเชื่อในโฆษณา เมื่อผู้คนเป็นเช่นนั้นจึงหลงลืมสิ่งสำคัญลำดับแรกๆของความสำคัญของการเลือกซื้อของสักชิ้นหนึ่ง คุณสมบัติของสินค้า วัสดุส่วนผสม ความเหมาะสมของราคา ซึ่งอย่างหลังสุดผมเห็นว่ามันมีราคาที่เรามักต้องจ่ายมากกว่าตอนที่เราไปซื้อมาหลายเท่านัก
ห่างไกลไปในชนบทหากได้สัมผัสจะรู้ว่าหลายคู่อยู่กินกันถึงแก่เฒ่า อาจเป็นเพราะผู้คนเหล่านั้นมีเรื่องราวมากมายที่ต้องทำเพื่อการดำเนินชีวิตจนไม่มีเวลาไปมองหาสิ่งที่ดีกว่า หรืออาจเป็นเพราะว่าในท้องทุ่งมีแต่ผักปลา วัว ม้า ควาย ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้อภิรมย์มากกว่าคู่ครองของตัวเองสักเท่าไหร่ สิ่งรอบข้างในการดำเนินชีวิตอาจเป็นได้ว่าเป็นตัวช่วยเสริมส่งการอยู่เป็นคู่ครองในการดำเนินชีวิต ดั่งเช่นสถิติการอย่าร้างของผู้คนในเมืองหลวงย่อมมากกว่าผู้คนที่อยู่ในชนบทเป็นสิบเท่าเป็นตัวชี้วัด การแต่งตัวให้สวยสมกับสถาปัตยกรรมใหม่ๆที่เข้ามาในเมืองหลวง การแต่งหน้า การทำตัวให้ดูดี สิ่งที่มาพร้อมความศิวิไลซ์ จิตวิทยาหมู่(ของการออกแบบของสังคม)ที่ดูเหมือนว่าจะทำให้คนสนใจที่เปลือกมากกว่าคุณค่าของมัน เช่นนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าบางครั้งความงดงามก็เป็นตัวการใหญ่ของการทำลายในเรื่องบางเรื่อง สัจธรรมที่ธรรมชาติออกแบบไว้อย่างดิบดี...ไม่มีสิ่งใดดีเลิศในทุกด้าน
คงจะเป็นเรื่องผิดปรกติที่ใครจะไม่ชอบความสวยความงาม ผู้คนมักชอบใครสักคนโดยการมองจากสัมผัสแรกทางสายตา และดูเหมือนว่าถ้าใครหน้าตาก็จะได้รับอภิสิทธิ์ในการสนทนา(ควบคู่ไปกับการควบคุมน้ำเสียงหรือสายตา และอาจรวมไปถึงความสุภาพมากกว่าช่วงเวลาปรกติ)มากกว่าบุคคลอื่น เช่นนั้นเรื่องที่เราทุกคนไม่สามารถเลือกได้จึงกลับมาเป็นเงื่อนไขแปลกๆที่มนุษย์ตั้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่นนั้นเพราะผู้คนมักมองคนที่รูปลักษณ์มากกว่าเนื้อหาภายในที่ควรค่าต่อการคบหาจริงๆ น้อยคนนักที่จะค่อยศึกษานิสัย ความรู้สึก ความคิดของเนื้อคู่ก่อนที่จะตัดสินใจชอบ เราให้โอกาสสาวอ้วนดำเหม็นเท่าไหร่ในการคบหา เราให้โอกาสคนพิการเท่าไหร่ในการคบหา เราให้โอกาสชนชั้นแรงงานเท่าไหร่ในการคบหา ผู้คนมักไม่ไตร่ตรองเรื่องนี้ให้รอบคอบก่อนที่จะทำการตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ เป็นไปได้ว่าผู้คนติดอารมณ์มากกว่าเหตุผลที่ต้องใช้ในชีวิตจริง อาจเป็นเพราะคนใช้สัญชาตญาณความเป็นสัตว์มากกว่าที่จะใช้สติปัญญาที่ธรรมชาติมอบให้ การสืบพันธ์โดยไม่คำนึงถึงข้อแม้โดยไม่ไตร่ตรองโดยใช้สมองที่มีอยู่แบบตั้งใจใช้ เรื่องที่แน่นอนต่อการพิสูจน์หากต้องทำการพิสูจน์...มีกี่คนบนโลกที่เลิกกับเมียแล้ว ไปได้แฟนที่แก่กว่า และ ขี้เหร่กว่า(และถึงขี้เหร่กว่าจริงก็ต้องจนกว่า) แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งสิ้นหากแม้นเราพยายามศึกษาคนที่เราหมายปองโดยใช้เวลามองดูสิ่งที่อยู่ในใจของคนๆนั้น อาจไม่ได้หมายความว่าทั้งคู่ต้องอยู่ยืนยาวจวบจนตายหายจาก เพียงแต่นั่นอาจช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการผิดหวังในขันตอนหนึ่งเท่านั้น เป็นการรักโดยใช้สติปัญญาใคร่ครวญต่อการคิดแล้ว อย่างน้อยมันก็ได้ผ่านขั้นตอนความคิดมิใช่แบบใจเร็วด่วนได้ แต่แม้ถึงเป็นเช่นนั้นแล้วเรายังผิดหวัง เห็นทีก็ต้องเข้าสู่การรักที่ไม่มีวันผิดหวังอย่างสมบูรณ์แบบ...รักตัวเอง
................................
No comments:
Post a Comment