Tuesday, September 14, 2010

ยามเช้า

ที่นี่เงียบเหงายามพระอาทิตย์ตกดิน สดชื่นในยามเย็น และมากที่สุดในตอนเช้า เช่นนั้นจึงอธิบายได้ว่า ฉันมีช่วงเวลาที่ดีในยามเย็น และตอนเช้า แต่ต้องต่อสู้กับความคิดอย่างหนักในช่วงเวลาบ่ายและตอนกลางคืน ก็ฉันอยู่ในช่วงชีวิตที่ไม่ปรกตินี่หน่า



ขณะที่เขียนเป็นเวลาในตอนเช้า



อยู่ดีๆฉันก็นึกถึงคำของ-นนทรีย์ นิมิบุตร- การสัมภาษณ์ไม่นานนี้ของเขา เขาบอกว่างานที่เขาทำออกแนวย้อนยุคนั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่ชอบ-ศิลปะร่วมสมัย- เข้าท่าเลยทีเดียว คำตอบนี้ทำให้ฉันนึกไปถึงใครหลายคนที่มีภาษาที่ดี เศรษฐวัตร ก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นเช่นนั้น เขาเขียนหนังสือได้ดีแต่ไม่ยอมเขียน เขามักจะเขียนอะไรสั้นๆแต่ทรงด้วยพลัง ดูเหมือนเขาจะจดจ่อกับบทภาพยนตร์ของเขาเพียงอย่างเดียว สำหรับฉัน จดหมายของเขาน่าอ่านกว่าหนังสือหลายเล่ม นี่เป็นเรื่องที่ฉันบอกกับเจ้าตัวไม่ต่ำกว่าสองครั้ง



เพลงของดนู



เช้านี้ฉันพยายามหาเพลงที่ฉันมักจำชื่อสับสน -รักคนบ้านเคียง-ละมัง ไม่มีเหตุผลอะไรมาสนับสนุนหรอก อยากฟังก็คืออยากฟัง ดนตรีของเพลงนี้มันพิเศษ มันมีอะไรมากกว่าเพลงอื่นๆ ฉันชอบคิดว่าคนแต่งนั่งอยู่หลังบานหน้าต่างบานหนึ่ง บ้านไม้ แล้วมองออกไปที่บ้านหลังหนึ่งที่เขามีความรู้สึกร่วม ไม่รู้สิ ฉันเคยเห็นคนร้องไห้เมื่อเล่นเพลงนี้เสร็จ ฉันเข้าใจที่เห็นน้ำตาของเขา วงสินเจริญ บราเธอร์ น่ะสินะ



หนี้สิน กับ งาน



หนี้สินของฉันไม่ธรรมดาหรอก รวมๆกันมันมากกว่าสิบล้าน ฉันพยายามคิดอยู่หลายวันว่าฉันจะเริ่มต้นจัดการกับมันอย่างไร ยากเอาการอยู่ แต่ฉันก็เชื่อในคำๆหนึ่ง เมื่อเราเคยมีได้เราก็ต้องกลับไปได้ คนเป็นหนี้หลายสิบล้านได้ก็คงมีอะไรอยู่ในตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ฉันพยายามชี้ให้เห็นว่าชีวิตยังมีทางออก ปลอบใจตัวเอง เพราะบ่อยครั้งดูเหมือนว่าฉันจะยอมแพ้





สั้นๆกับประโยคหนึ่งในร้านเหล้า



-นาย..วันหนึ่งเราต้องตาย หากคิดถึงเรานายไม่ต้องทำอะไร นายทำงาน- ศิลป์ พีระศรี





...........

ให้มันเป็นไป

ฉันกลับมาแล้วล่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกว่าเดิม จะให้ฉันโกหกหรือให้ฉันพูดความจริงก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม บอกตามตรงว่า-ช่างแม่งเหอะ- มันก็ไม่ได้ต่างจากความจริงก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ ไม่ว่าฉันจะทำดีหรือร้ายผลมันก็มักจะออกมาแบบเดิมเสมอ นั่นความคือเลวร้ายอันแสนบริสุทธิ์ที่ยืนต้อนรับฉันอยู่ตรงหน้า ทีนี้ฉันก็อยากถามว่า เมื่อไม่มีอะไรแตกต่างเธอจะเลือกเดินในทางแบบไหน เรื่องของเธอ แต่ของฉันเลือก-เหี้ย- เหี้ยสิสนุกกว่า อย่าหาว่าฉันไม่อดทนเลยนะ ฉันก็เป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบคำของไอสไตน์ -คนโง่คือคนที่ทดลองทำอะไรแบบเดิมๆ เพื่อหวังผลให้เปลี่ยนแปลงไปจากที่มันเป็นอยู่- เธอลองนึกแล้วลองอ่านไปช้าๆ แล้วเธอจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการบอก ฉันไม่เคยมั่ว หนังสือของฉันสักเล่มที่ฉันเขียนก็ไม่เคยมั่ว พวกมันไม่เข้าใจเองต่างหาก คนแบบไหนกันล่ะที่ชอบเอาข้อสอบคณิตศาสตร์มานั่งทำฆ่าเวลาตอนสูบบุหรี่ แน่ล่ะ เธออาจมองเห็นฉันเป็นคนบ้าๆบอๆ นั่นก็เป็นเพราะเธอเป็นคนบ้าๆบอๆ คนโง่ก็มักจะมองคนอื่นโง่เหมือนตัวเอง มันตลกมากสำหรับวรรคนี้ เอาเถอะ ฉันให้อภัยแก่พวกมัน ไม่ใช่ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ฉันรู้ เช่นนั้นฉันจึงให้อภัย



หลังจากที่ฉันไปอยู่แบบเงียบๆ ฉันคิดได้ว่าบางทีฉันไม่อาจอยู่บนโลกใบนี้ได้หรอก เรื่องของฉันไม่นานนี้คงได้เป็นข่าวสั้นๆหน้ารองสุดท้าย เพราะฉันจะมีข้อความเขียนไว้บนเสื้อนิดหน่อยว่า -ทหารเหี้ย- คนที่ตัดสินคนอื่นแบบโง่ๆก็จะคิดว่า ฉันเองเป็นผู้ฝักใฝ่ในการเมือง รักประชาธิปไตยชิบหาย ฝ่ายค้านคงเอาเรื่องฉันไปพูดในการแถลงข่าวหากมันดังพอ ส่วนฝ่ายรัฐบาลคงไปคุ้ยประวัติฉันมาอ้าง แน่ล่ะ ฝ่ายรัฐบาลจะชนะ ฉันมันคนหนี้เยอะสินะ คงตายเพื่ออะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยหรอก ต้องเป็นเงินแหงๆ ไม่งั้นก็อยากดัง พวกมันคิดได้แค่นี้แหละ คิดว่าคนตายเพราะห่าอะไรสักอย่างที่เหี้ยๆ มันตัดสินกันตรงนั้นนั่นแหละ



-แต่ไม่หรอก- ฉันอยากตายเพราะว่าฉันอยากตาย มันใช้เวลาไม่นานหรอก ฉันกำลังตัดสินใจเลือกวิธีการอยู่ว่าจะเอารูปแบบไหน(ว่าไปแล้วฉันก็เป็นคนละเมียดในการคัดสรรเอาการอยู่) เหมือนคู่รักที่เลือกตัดสินใจในการเลือกซื้อบ้าน มันก็ง่ายๆอย่างนั้นเอง ฉันจำต้องพิถีพิถันในการตายในแบบฉบับของฉันหน่อย เหมือนแบบที่ฉันเลือกนาฬิกา แว่นตา ความพิถีพิถันไม่น้อยไปกว่านั้น น้อยคนที่จะมองฉันได้ทะลุปรุโปร่ง พวกนั้นดูถูกฉันเพราะฉันชอบใส่กางเกงขาดๆ เสื้อเก่าๆ แต่พวกมันไม่มีตาหรอก มันตัดสินที่เสื้อและกางเกงของฉัน เหมือนกับที่มันเลือกเมียโดยคัดสรรจากเฉดสีของเครื่องสำอางของเมียมัน ฉันจะให้ค่าคนพวกนั้นอย่างไรได้จากให้ควย พวกที่ชอบของสีสดใสแต่ข้างในกลวงโบ๋ คนที่ประจบเอาใจคนอื่นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ควรได้ พวกมันเป็นสัตว์ดูดเลือด อาว์- ฉันคิดถึงประโยคที่อเล็กซานเดอร์พูดกับลูกของเขาจังในวันที่เขาถูกลอบสังหารโดยรู้ว่าลูกเขาก็เอาด้วย ฉันก็ด้วย-ฉันสินะที่เป็นหนี้โรงพยาบาลเพราะว่าอยากมีชีวิตรอดเพื่อเห็นแสงสว่างในวันรุ่งขึ้น ส่วนพวกมันกลับคลานออกไปในวันที่ฉันเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกจนไม่มีอะไรเหลือ

Tuesday, August 24, 2010

เช่นนั้น

มีหลายอย่างที่ห้ามใจให้อดคิดไม่ได้ จะหักห้ามใจคิดได้อย่างไร-เมื่อได้เห็น-ยุงที่แบนราบอยู่ในหน้าหนังสือ คนที่เดินโดดเดี่ยวกลางสายฝน แมวน้อยตัวหนึ่งที่เดินอยู่บนกำแพงในยามค่ำคืน อดใจคิดไม่ได้ เช่นเดียวกับตอนที่อยู่คนเดียว ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง สูบบุหรี่ ดื่ม ภายใต้แสงไฟที่เหลืองอ่อน-ต้องเป็นสีเหลืองอ่อนเท่านั้น การต้มเส้นสปาเก็ตตี้ก็มีช่วงเวลาของมัน การอ่านหนังสือก็เช่นกัน แต่ถ้าเธอเป็นคนที่ทานมื้อค่ำกับใครก็ได้-อาหารอะไรก็อร่อยเหมือนกัน-คำอธิบายก็ไม่จำเป็น คนที่ซื้อบุหรี่ทีละซองก็แตกต่างกับคนที่ซื้อเป็นคอทตอนราวฟ้ากับเหว นักวางแผนมักซื้อทีละเยอะๆเพราะประหยัดและไม่เสียเวลา นักเศรษฐศาสตร์ที่ดีแต่ไม่ใช่นักสูบ นั่นเพราะเรามีเวลาเหลือเฟือจนอยากจับจ่ายเวลาชีวิตที่มีให้กับมัน เราไม่ใช่คนฉลาดแต่ก็ไม่โง่จนไม่รู้ว่าบุหรี่เป็นสาวสวยที่แสนโหดร้าย โฮสเตสที่มีราคาแพงเวลาที่เรียกมาดื่มเป็นเพื่อน ที่ต้องจ่ายคือ-นาทีต่อนาที- นักสูบชอบช่วงเวลาที่เดินไปซื้อบุหรี่ มีช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากมัน มีพอให้คิดถึง เรียกง่ายๆว่าเป็นพวกโรแมนติกชนิดหนึ่ง คนที่เคยเขียนจดหมายถึงคนที่ชอบคงเข้าใจ-เมื่อได้เห็นคนที่บอกรักคนผ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือในสมัยนี้ เราเรียกสิ่งนี้ว่าความผูกพันธ์ ในบางครั้งมันก็มีความเข้าใจ แต่บางครั้งมันก็ไม่มี ความรู้สึกไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรามีความรู้สึกด้วย ที่สำคัญคือความรู้สึกที่เรามีมอบให้ไป ไม่จำเป็นที่เราต้องมีความรู้สึกดีๆกับคนที่ดีๆ บางครั้งเราอาจไม่มีความรู้สึกก็ได้ ความรู้สึกเป็นเรื่องส่วนตัว หากไม่บอกกล่าวใครหรือแสดงท่าทีออกไปก็จะไม่มีใครรู้ แต่เรามักอยากจะรู้ความรู้สึกของคนที่เรารู้สึกด้วย คิดว่าจำเป็นมั้ย-เธอคาดหวังอะไรกับการที่เธอถามคนอื่นว่า -ฉันเป็นคนยังไง- แต่ที่ร้ายที่สุดของความรู้สึกก็คือคนบางคนสามารถแสร้งทำเป็นมีได้ แน่ล่ะ ทุกอย่างย่อมมีการพิสูจน์ แต่ที่น่ากลัวก็คือคนที่อยากได้ความรู้สึกตอบสนอง เพราะทั้งที่รู้แต่บางทีก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ กลับไปที่บอกก็คือ อะไรที่ไม่ต้องการเหตุผลก็ได้เป็นเรื่องที่สุ้มเสี่ยง อย่างเช่นความรู้สึกในวันนี้หลังจากที่นั่งไปเรื่อยเปื่อย สูบไปเรื่อยเปื่อย จนในที่สุดก็อยากหาแผ่นกระดาษขึ้นมาเขียน จะเป็นอะไรก็ตามแต่ ขอเพียงให้ได้เขียน ต้องการเพียงแค่นั้น นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า-ตกหลุมรัก-




..........