Friday, December 05, 2008

เศร้า

วันนี้อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหล เริ่มต้นวันได้ไม่ดีเลย รู้ดีว่าเมื่อเป็นแบบนี้ทุกอย่างจะคงที่ไปทั้งวัน
ไม่อยากบอกเลยว่าท้อๆ

ยังไงก็แล้วแต่จะสู้ต่อไป

Thursday, December 04, 2008

ท่ามกลางความเย็น

ผมแบกหนังสือไปขาย ร่อนเร่ทำทุกอย่าง ตื่นแต่เช้า กลับบ้านหลังเที่ยงคืน พูดเกินจำเป็น อ้อนวอนจนแทบใช้คำว่าขอร้องได้ รอบกายทุกอย่างช่างอึกทึก ผู้คนมากมี แต่ผมเหมือนได้แค่จับจ้องไม่มีส่วนร่วมใดๆกับเหตุการณ์ ความว่างเปล่าคล้ายรายล้อมโอบล้อมให้ผมรู้สึกอ้างว้าง กดผมเตี้ยลงต่ำดิน ไม่ก็ดันผมลอยล่องเคว้งอยู่บนท้องฟ้า ไม่มีใครสนใจสิ่งที่ผมทำ ทำลายเกียรติของหนังสือโดยการพูดเกินจำเป็น ผมทำลายเกียรติตัวเองเพียงหวังจะไม่ได้รับผลลำบากจากการทำงาน ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากนั้น...หนังสือยังกองเท่าเดิม เท่ากับเงินในกระเป๋าที่ผมเตรียมเพื่อไปทอน ทุกคนไม่มีหนังสือกลับบ้าน และผมยังจมอยู่กับคำว่าผิดหวัง


..................

Sunday, November 30, 2008

กำลังมา

อยากเขียนหนังสือ คิดเอาเองว่าตอนนี้ถ้าได้เขียนหนังสือคงได้งานที่ดีชิ้นหนึ่ง คิดเองเออเองและคาดเดาไปเองต่างๆนานา

เดือนหน้ามีหนังสืออกมาอีกเล่ม งานที่แซงคิวออกมาอีกตามเคย งานชุดทดลองชิ้นใหม่ที่มีกลิ่นไอแปลกๆ งานที่หลังจากจบมันก็ไม่ได้เขียนอีกเลย คิดถึงการเขียนเรื่องยาวที่ค้างไว้ ผมกับพี่หมี คนที่ผิดหวังกับการงาน ผู้หญิงที่พยุงทุกอย่างในครอบครัวด้วยตัวคนเดียวโดยเก็บความเศร้าใจไว้คนเดียว เด็กน้อยที่ป่วยเป็นโรคและคอยเฝ้าจับพฤติกรรมของคนในครอบครัว คิดถึงเรื่องรักสี่ฤดู ใกล้จบเต็มที งานที่เขียนช้าที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา เขาและเธอได้เจอกันอีกครั้ง ล่าสุดทั้งสองอยู่ด้วยกันที่ถนนเจ็ด งานที่อยากเขียนให้เสร็จ

เรื่องสั้นที่ต้องส่งเดือนนี้ความยาวหกเอสี่คอเดียฟรอนท์สิบสี่ เรื่องที่ควรเขียนในวันนี้หากมีเวลา เนื่องจากอารมณ์พุ่งขึ้นถึงขีดสุด แต่ท้ายสุดต้องหยุดทุกอย่างไว้ เพราะเราไม่อาจทำทุกอย่างได้สมดั่งใจ เช่นนั้นชีวิตมนุษย์ถึงได้มันส์เสียแบบนี้



**********

Monday, November 24, 2008

รอบสามวัน

รู้สึกเหนื่อย มีอาการเครียด เมื่อคืนหน้าแดงจนตัวร้อน รู้สึกอึดอัด บอกน้องที่เฝ้าร้านหนังสือไปว่าเกิดผมเป็นอะไรไปให้โทรหาคนๆนึง คนที่ผมคิดว่าเขาจะยอมจ่ายค่าทำศพให้

ร้านหนังสือพอไปได้ น่าจะเป็นอาชีพที่ใช้ได้อาชีพหนึ่งเลยทีเดียวหากแม้นมีหนังสือให้คนเลือกเพียงพอ ผมเองโล่งใจเพราะคิดว่านี่คืองานที่ทำแล้วประสบความสำเร็จในรอบหลายปี ความภูมิใจเล็กๆน้อยที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว กำลังใจเริ่มมีขึ้นมาบ้าง และนั่นอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ตอนนี้อยากเขียนหนังสือ อยากเขียนมาก มีคนติดต่ออยากได้งานเรื่องสั้นไปลง นิตยสารที่น่าสนใจและตรงแนวกับงานของผม ผมคงต้องหาเวลาในเร็ววัน รู้สึกว่าตัวเองมีแรงขับเคลื่อนทั้งที่ร่างกายนั้นอ่อนแอ


ขอบคุณใครบางคนบนฟ้า ที่สอนให้ผมเรียนรู้ชีวิต

...............

Friday, November 21, 2008

เสียสละ

ไม่เป็นไรหรอก สำหรับเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
เราชินกับความเจ็บปวด
เธอเข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้สึกของฉัน พอมันเหือดแห้ง เธอก็ลาจาก
พอมันเกิดขึ้นใหม่..เธอก็ทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนฉันเกือบเชื่อแล้วว่า...ฉันได้ตายไปแล้ว


วันนี้ฉันเหนื่อย ใครอยากได้อะไรต่อมิอะไรก็เอาไปเถิด

ฉันไม่โกรธ

Monday, November 17, 2008

ผมว่าผมทำใจได้แล้ว

คงถึงเวลาแล้วล่ะที่ผมควรจะเริ่มต้นใหม่ มองไปข้างหน้า ผมคิดว่าผมเดินต่อไปข้างหน้าได้แล้ว ราวสี่ปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เหมือนที่ชีวิตที่ผ่านมาสิ้นค่าไร้ประโบชน์ ความทรงจำของผมที่มีชีวิตก่อนหน้านั้นเหมือนเป็นภาพยนตร์ที่ผมเคยผ่านหูผ่านตา มันไม่เหมือนชีวิตผมเลยสักนิด ผมสูบบุหรี่จัดมากในช่วงนี้ แย่ตรงที่ว่านักสูบอย่างผมยังรู้สึกตัว วันใดที่"ดอน คิง"บอกว่า "เฮ้ย รู้สึกว่าเราจะดูมวยมากไปนะ" ความรู้สึกประมาณนั้นเข้าใจใช่มั้ย


เธอโทรมาหาผมหนึ่งครั้งหลังจากที่ผมบอกเธอว่าเราไม่ควรจะพูดคุยกันอีก เธอกำลังจะแต่งงาน ส่วนผมยังเป็นเพื่อนที่ดีของเธอไม่ได้ ไม่มีหรอกการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเราสอง วันหนึ่งเราต้องกลับมาคุยกันเหมือนเดิม เพียงแต่รอให้เรารู้ชัดถึงตำแหน่งที่เราสองคนยืนเสียก่อน ผมต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเธอให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องรู้สึกมั่นใจว่าผมต้องทำได้ เธอต้องเลิกสงสารผมและเลิกให้ความหวังลมๆแล้งด้วยคำพูดที่เธอคิดว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าเป็นไปตามที่คาดหวัง เราจะได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง เราคงไม่ได้คุยเรื่องเก่าๆที่เราเคยทบทวนบ่อยๆ เธอคงเล่าเรื่องคนรักของเธอ ผมคงเล่าเรื่องการงานการเขียนหนังสือโปรเจคกระจอกงอกง่อยของผม เราต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เธอน่าจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ลูกสาวที่เธอฝันไว้ เด็กหัวหยิกและแก้มแดงใส่ชุดกระโปรงสีแดงลายจุดขาว ผมอาจจะมีแฟนสักคน อาจคบแบบรักๆเลิกๆ เธออาจเป็นที่ปรึกษาเรื่องราวความรักของผม ส่ายหัวเมื่อผมถูกหักอกอีกครา เราดื่มด้วยกัน และสามีเธอก็เพื่อนสนิทของผมในเวลาต่อมา


เช้าวันนี้ผมรู้สึกสดชื่นแม้ว่าเมื่อคืนผมจะดื่มหนัก ผมเน้นย้ำกับตัวเองว่าต่อไปนี้ผมต้องอดทนมากกว่าเดิม อย่าเจ้าอารมณ์ ผมเคยรับมือกับอารมณ์ได้ดีกว่านี้ ผมต้องเป็นคนดีอย่างที่ถูกที่ควร รู้จักการให้อภัย และช่วยเหลือคนที่แย่กว่าเรา ผมกำหนดรายละเอียดคร่าวๆในอากาศ และหวังว่าผมคงไม่ต้องกลับมาดูมันบ่อยนัก

***********

Sunday, November 16, 2008

เรื่องที่เคยได้ยินมา

ผมเพิ่งรู้ว่าเมื่อเรายิ่งเขียนหนังสือมากเท่าไหร่ เราก็จะรู้ว่าเราจะยังไปไม่ถึง เราอยู่จุดหนึ่งเพื่อที่จะไปจุดหนึ่งเสมอ เราฝันถึงเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่อยากเขียน มันเป็นความแปลกใหม่ แล้วมันก็กลายเป็นอดีต ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่เรื่องที่อยู่ข้างหน้ากลายเป็นเรื่องในอดีต แต่เรื่องที่ยิ่งใหญ่นั้นคือความฝันที่ไม่รู้จักจบสิ้น ความฝันไม่เคยจบสิ้น เมื่อคุณมีความฝันคุณก็จะไม่มีคำถามในใจว่าคนเราเกิดมาทำไม เมื่อคุณมีความฝันคุณก็จะไม่ก่นด่าความทุกข์ที่คุณได้เผชิญ หากแม้นเรายังทำงานหนัก แลกทุกอย่างเพื่อให้มันเกิดขึ้น ความฝันก็จะยังคงอยู่ตลอดเวลา ไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ที่ไหน แหล่งเสื่อมโทรมของเมืองใดเมืองหนึ่ง หรือในสังคมที่เสื่อมทราม สำคัญอยู่ที่ว่าใจเราอยู่ที่ไหน ที่นั่นมีความสุขหรือเปล่า แค่คิดว่า...นั่นเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่เราฝันไว้ เฝ้าฝันถึงความสุข แม้นจะยังไปไม่ถึงแต่นั้นคงไม่ใช่ปัญหา เพราะสำคัญว่า เพียงเรารู้จักฝันถึงความสุข เราก็จะมีความสุข


งานชิ้นหนึ่งกำลังจะเริ่มต้น งานชิ้นหนึ่งกำลังจะจบสิ้น


ดูเหมือนว่าเรื่องที่ไกลออกไปเริ่มมีภาพพลางพาให้มองเห็นอีกแล้ว


*********