Saturday, October 14, 2006

สิ่งที่มองเห็นได้จากน้ำตา . . .

วันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากวันอื่นมากมายนัก แต่ก็รู้ได้ว่าแตกต่าง เป็นความรู้สึกของความข้าพเจ้าที่เปลี่ยนไป เพลงที่เคยฟังแล้วหัวเราะ แต่ในวันนี้กลับมีน้ำตา ภาพที่เคยเห็นแล้วมีรอยยิ้ม แต่ในวันนี้กลับหม่นหมอง ทั้งที่เป็นภาพเดิมๆ เพลงเดิมๆ เวลาผ่านไปกลับทำให้ความรู้สึกเปลี่ยน ข้าพเจ้าหวังเพียงว่าเมื่อเวลาผ่านไปเวลาจะช่วยคืนความรู้สึกให้ข้าพเจ้าดังเดิม

เพียงเพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นในเวลา ข้าพเจ้าเชื่อ เวลาช่วยได้ในทุกๆสิ่ง ท่านอาจเป็นโรคต่างๆได้ง่ายขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ ข้าพเจ้าก็เช่นกัน ในวันนี้ความรู้สึกของข้าพเจ้อ่อนแอนัก ข้าพเจ้ามีน้ำตาให้กับผู้แต่งเพลงคนหนึ่งที่แต่งเพลงได้เหงายิ่งนัก เศ้รายิ่งนัก เป็นเพราะข้าพเจ้าที่รู้ว่า คนที่เคยเห็นหิมะย่อมอธิบายหืมะได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยเห็น ข้าพเจ้าทราบผู้แต่งเพลงๆ นี้ก็เช่นกัน

ในความรู้สึกที่อ่อนแอในวันนี้กลับทำให้ข้าพเจ้ามีความรู้สึกที่อ่อนโยน ความอ่อนแอในวันนี้กลับทำให้ข้าพเจ้ารู้ซึ้งถึงความอ่อนโยน ในวันนี้กลับทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นในสิ่งที่ข้าพเจ้ามองข้ามไปในวันที่ผ่านมา

แมวตัวโตข้างบ้านที่ชอบปั่นอารมณ์ข้าพเจ้าโดยการมาแอบกินข้าวที่ข้าพเจ้าเตรียมให้หมาของข้าพเจ้า เป็นทุกครั้งที่ข้าพเจ้าโกรธ ในวันนี้กลับเปลี่ยนไป เป็นข้าพเจ้าที่เข้าใจมันในวันนี้ ข้าพเจ้าเองก็ถูกทอดทิ้งเช่นเดียวกับมัน กับหมาของข้าพเจ้าที่ชอบเข้ามาเล่นกับข้าพเจ้าในทุกๆครั้งที่มีโอกาส วันนี้มันก็ยังไม่เปลี่ยน แต่ข้าพเจ้าเปลี่ยน

ในวันนี้ข้าพเจ้ากลับไม่หงุดหงิดกับมัน กลับเป็นข้าพเจ้าที่เข้าใจมัน มันเองไม่เคยที่จะย่อท้อที่จะแสดงความรักกับคนที่เฉยเมยกับมัน เฉื่อยชากับมัน มันเองยังเชื่อว่าการแสดงออกสิ่งที่มันรู้สึกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่างน้อยมันก็ไม่ได้โกหกความรู้สึกตัวเอง มันพร้อมที่จะโดนผลักออกมาสักสีบครั้งเมื่อเล่นกับข้าพเจ้า แต่ครั้งที่สิบเอ็ดเมื่อข้าพเจ้ากอดมัน มันก็พอใจ

ในสิบครั้งที่ข้าพเจ้าผลักมัน ข้าพเจ้าทราบมันเจ็บปวด เพียงครั้งเดียวที่ข้าพเจ้ากอดมันกลับทำให้มันลืมทุกอย่างที่ข้าพเจ้าเคยทำมา รักของมันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แล้วข้าพเจ้าเล่า?

............................................................................
คืนนี้กลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เป็นข้าพเจ้าที่ได้อยู่กับเพื่อนและคนรักของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าหนึ่ง แมวตัวอ้วนพีหนึ่ง หมาหนึ่ง
เราทั้งสามนอนด้วยกัน
เป็นเพราะท้องฟ้าที่มืดมิดจึงได้เห็นดาวที่สวยงาม



...........................................................................


4 comments:

นุ่น said...

ชอบเพลงนี้มากเลย ฟังแล้วนึกถึงตอนเด็กๆ

หลายวันมานี้ นุ่นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เจอ ได้เป็น ได้เรียนรู้อะไรตั้งหลายอย่าง ฟังดูกระแดะนะ แต่เป็นอย่างนี้จริงๆ

อย่างเมื่อก่อนนุ่นเคยรู้สึกว่านุ่นแม่งชีวิตลำบากว่ะ ตอนเด็กๆ บ้านขายของชำ โดนป๊าม้าปลุกให้มาช่วยงานตั้งแต่ไก่โห่แล้วค่อยไปโรงเรียน มาตอนนี้นุ่นกลับภูมิใจที่นุ่นได้ผ่านช่วงเวลานั้น เพราะทำให้นุ่นกลายเป็นนุ่นในวันนี้ กลายเป็นนุ่นในแบบนี้ แบบที่เข้าใจคนอื่นมากขึ้น (แม้จะไม่มากมายในสายตาคนอื่นก็ตาม)
โดยเฉพาะเมื่อเห็นคนที่เขาลำบากกว่าเรา...จะเตือนตัวเองเสมอว่าเราโชคดีแค่ไหนแล้ว

หลายครั้งที่เจออุปสรรคก็จะเตือนตัวเองเสมอเช่นกันว่า "แล้วเรื่องบ้าๆ พวกนี้ก็จะผ่านไปเอง"

โอย พิมพ์ไม่รู้เรื่องแล้ว ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องหรือเพลงของพี่รึเปล่า แต่นี่คือสิ่งที่อยากพิมพ์...

เมื่อเช้านุ่นโดนพ่อด่า เรื่องเดิม เรื่องงานที่พ่อไม่เชื่อว่าจะเอาตัวรอดได้ นุ่นเปิดผ่านม่านตรงข้างเตียง มองท้องฟ้าที่อยู่ข้างนอก

ท้องฟ้าเช้านี้สวย...แม้จะมองผ่านน้ำตา

"สักวันนุ่นจะพ่อจะต้องภูมิใจในตัวนุ่น และวันนั้นคือวันที่นุ่นมีอิสระ..."

หวังว่านุ่นจะทำสำเร็จก่อนถึงเวลาไปหาแม่...บนท้องฟ้า

nhum said...

โอวววววววว น้อยออก
พี่สิบเดมีอีกบล็อกแว้ว
ดีครับดี

keerati said...

เวลาอ้อยอ่านหนังสือ บางเรื่องทำน้ำตาไหล เวลานี้ก็ไหล...พี่

พี่...จะรู้ไหมว่าคำบางคำมันซ่อนความเหงา มันซุกตัวอยู่เงียบๆ และกระโดดมาต่อหน้า อ้อยไม่ได้คิดถึงใครนะ คิดถึงตัวเองอยู่

วันนี้เหนื่อยที่สุดในชีวิต เหนื่อยมาก ตั้งคำถามทั้งวัน ว่าเป็นอะไรไป เรียนจบแล้ว ทำไมต้องเหนื่อย

อยากคุย อยากบอกใครสักคน ถึงเรื่องที่ทำลายความเป็นตัวเราเอง ที่เคยร่าเริง แต่ไม่กล้าเลยสักคนเดียว

วันนี้มองตัวเองทั้งที่มีน้ำตา คงโหยหารัก..จากเปลือกโลกมากไป บางทีอาจไม่มีเหลือไว้สำหรับบางคน

อืม...

วันนี้ มีความกลัวมากที่สุด อ่อนแอที่สุด ยิ่งเห็นคนที่เรารัก ทำดีกับเราแค่ไหน..เรายิ่งกลัว

คืนนี้จะนอนเร็วสักคืน ไม่รู้จะทำได้ไหม

Anonymous said...

ผมชอบเรื่องนี้ครับ
อ่านแล้วรู้สึกถึงการอยู่ร่วมกันของแมวหมาและคน ชอบจริงๆๆ