Sunday, November 05, 2006

ใกล้...

ยามที่พวกคุณป่วย พวกคุณรู้สึกอย่างไรหรือ? ตัวผมเองไน้นไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองป่วยอยู่บ่อยๆ ครั้งที่จำได้หนักๆในชีวิตเป็นตอนที่อยู่ปอสอง ผมจำได้ว่าหลับไปเลยหนึ่งวัน เหตุดกิดเพราะ ชอลิ้วเฮียง หรืออาจบอกว่าเกิดจากไม้เสียบลูกชิ้รไม้เดียวก็ได้
ผมตื่นมาในวันรุ่งขึ้นตอนเย็น...จำอะไรได้ไม่มากนักในเย็นวันนั้น รู้แต่เพียงว่าหลายคนบอก ถ้าส่งผมถึงมือหมอช้าไปเพียงสิบนาที ผมต้องตาย
......................................
หลังๆมีคนบอกเป็นผมที่ป่วย ผมยอมรับว่าใช่ อาจจะเป็นทางจิต ยากไหมที่จะรักษาโรคที่ว่านั้น ผมคิดว่าไม่ยาก เป็นผมเองที่ไม่พยายามจะรักษามัน ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองป่วย ในหลังๆมานี้ ผมป่วยบ่อยทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอาการเช่นนี้มาก่อน อาการหนักขึ้นๆในทุกที และทุกครั้ง ผมได้ยินลมหายใจตัวเองชัดกว่าเดิม จนบางครั้งผมรำคาญมัน หลายครั้งที่ผมไม่อยากได้ยินเสียงมันอีก ไม่ว่าจะตอนที่ตื่นอยู่หรือตอนที่ผมไม่ตื่นก็ตาม
เป็นไปได้ที่ว่า...ถ้าภายในใจเราอ่อนแอ ทุกอย่างก็จะแย่ตามลงไป
.......................................
คนที่เรียนคณิศาสตร์จะรู้ว่า เรามักหาวิธีที่ง่ายที่สุดไปไขกุญแจแห่งปริศนา วิธีที่เหมาะสมกับเรา วิธีที่ง่ายสำหรับเรา ในชีวิตของผมๆคิดว่าคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่ผมถนัดที่สุด ผมเคยถึงกับเกือบบ้าเพราะมัน ผมจมลงไปอยู่กับมันมากกว่าที่คนอื่นใช้เวลาในชีวิตไปอยู่ โชคดีที่ผมไม่เรียนต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงเพราะว่าเรื่องบางเรื่องทำให้ผมต้องถอยออกมา
ปี สองปีที่แล้ว ผมผิดหวังในเรื่องคนรอบข้างที่ผมใช้ชีวิตอยู่ ผมตัดสินใจล้างไพ่ทั้งหมด ลืมทุกคนและตั้งต้นใหม่ ทุกคนในชีวิตใหม่ของผมคล้ายกับต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบตัวผมในเมื่อสองปีก่อน ส่วนต้นไม้ใบหญ้าในตอนนี้คล้ายกับเป็นเพื่อนของผมในเมื่อสองปีก่อน ผมคุยกับสิ่งที่ไม่มีหัวใจมากขึ้น พยายามใส่หัวใจให้มัน พูดกับมัน ผมเชื่อว่าเมื่อเราใส่หัวใจให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพียงเราเชื่อ มันก็จะมีหัวใจ
.....................................
ไข้หวัดมาเยี่ยมเยือนตัวผมเป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งเดือน เหงื่อมากขึ้นกว่าเดิมจนผมอดไม่ไหวต้องไปอาบน้ำ สมองคิดช้ากว่าเดิมมาก แต่ได้ยินเสียงลมหายใจชัดกว่าเดิม มันคล้ายหนักแน่นแต่อ่อนล้า เสียงมันท้อแท้สิ้นหวัง จนผมอดไม่ไหวต้องพูดบางอย่างปลอบใจมัน
น้ำตา...น้ำตาผมไหลอีกแล้ว ผมช่างอ่อนแอกว่าที่ทุกคนคิด แต่ผมไม่เสียใจหรอกนะ บางทีเสียงร้องไห้ของผม มันอาจฟังแล้วหดหู่มากกว่าเสียงลมหายใจของผมเสียอีก
....................................
หลังอาบน้ำแล้วจะมีวูบหนึ่งที่คุณมีสติ ผมฉวยโอกาสนั้นไว้แล้วเขียนบันทึกนี้ให้พวกคุณอ่านกัน บางคนคิดว่าผมไม่แผนการสำหรับชีวิตของผม ผมอยากบอกว่า เป็นทุกอย่างที่ผมวางแผนไว้แล้ว ผมวางแผนแบบคณิตศาสตร์ รวดเร็วและผมสามารถทำเองได้ กับคอมพิวเตอร์เวลามันมีปัญหามากๆคงรีเซ็ทแล้วตั้งใหม่หมด กับผู้คนบางทีอาจแตกต่าง เราไม่สามารถลืมบางอย่างได้หมดจดเหมือนคอมพิวเตอร์ บางทีเราอาจหาวิธที่เหมาะสมกับเรา
ท่ามกลางผู้คนที่วุ่นวายตอนนี้ มีเสียงพลุ เสียงประทัด ผมมองแล้วทำให้ลืมเลือนบางสิ่งบางอย่างไปได้บ้าง คล้ายวิธีสุราบำบัด เพียงอยากลืมเรื่องบางเรื่องในเวลานิดๆ บางครั้งผมยอมเอาเวลาในชีวิตซื้อบางสิ่งเพื่อเวลาที่มีค่าเพียงน้อยนิดนั้น ผมยอมรับ เป็นวิธีที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย
ดูเหมือนว่า...เหงื่อผมเริ่มจะมากขึ้นทุกที
มองพลุที่สวยงามบนท้องฟ้า...อยากเก็บอะไรดีๆฝากให้พวกคุณ ก่อนที่ผมจะเริ่มเหนื่อยอีกครั้ง

.........................................
แสงพลุสว่างไสว เป็นประกาย บนฟ้า
งามแทบจนดวงดารานั้น หวั่นไหว
วูบหนึ่งของแสงพลุ คล้ายชายตามองค้อน ดารา
จนไฟมอด จึงรู้ ดวงดารายัง คงอยู่
..........................................

นั่งสูบบุหรี่อยู่ ข้างร้าน ริมทาง
ต่อมามีคนเดินผ่าน ยอมรับ ทำใจสั่นไหว
กำหนดลมหายใจออก ปล่อยไปเป็น ทางยาว
หลับตาพริ้ม ในความมืด มีภาพอยู่ ภาพหนึ่งจริง
..........................................
ครั้งหนึ่งมีคนถาม เธอชอบสิ่งใดบน ท้องฟ้า
จำได้ว่า ครานั้นทำใจผม หวั่นไหว
เหลือบมองเธอ คล้ายเธอ มองมา
กุมมือเธอตอบ ที่เคียงข้างบนพื้นดิน มิใช่บนท้องฟ้าหรืออื่นใด
..........................................

4 comments:

นุ่น said...

นุ่นกลับมาอ่านงานพี่แล้วนะ

ป่วยครั้งละนิดละหน่อยก็พอ
อย่าป่วยทีเดียวมากๆ เลย
เปลืองเวลา..^-^

Anonymous said...

จะมีอะไรนอกเหนือไปจากความรัก


ทุกอย่างมีความรักเจือปน


ความป่วยไข้ มีความรักซ่อนอยู่


คนบางคนอยากป่วยแบบนั้น หากการเจ็บป่วย


ได้มาซึ่งความปลอบโยน จากคนที่รัก


แต่ไม่ทุกคนหรอกที่โชคดี.


ฉันจึงป่วยท่ามกลางเสียงหัวเราะ...ของคนอื่นมากกว่า

ขี้เกียจบอก said...

เดี๋ยวก็หาย ^_________^

Anonymous said...

...
..
.

กินยาล่ะกัน