Saturday, November 18, 2006

""""""""

เคยได้ยินหลายคนกล่าว...ชีวิตคือการเดินทางไกล ผมเองไม่แน่ใจนักว่าครั้งแรกที่ได้ยินประโยคนี้ ผมนั้นรู้สึกหรือเข้าใจมีนมากน้อยแค่ไหน หลายวันที่ผ่านมานี้ หลังจากที่ใช้เวลาที่มีอยู่ในแต่ละวันไปคิดถึงเรื่องของคนอื่น ส่วนที่เหลือ ก็นำมาย้อนคิดเรื่องของตัวเอง เมื่อเรากลับไปย้อนคิดถึงสถานที่ๆจากมา จึงทำให้รู้ว่าเป็นเราที่ได้เคลื่อนที่ แต่บางครั้งชีวิตของคนก็ไม่ได้มีความหมายเหมือนระยะพิกัดทางฟิสิกข์ อาจเป็นเพราะกับชีวิตคน บางครั้งการอยู่กับที่ก็เหมือนกับการเดินทาง เราสามารถเรียนรู้คนได้มากขึ้น เรียนรู้โลกได้มากขึ้น มองเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดขึ้น บางครั้งเพียงเราหยุดอยู่กับที่ ในครั้งนั้นหัวใจเราอาจเดินทาง
ผมเดินทางมากกว่าปกติ ในระยะเวลาสองสามวันนี้ ถึงตอนนี้ผมเพิ่งเข้าใจว่า บางทีผมอาจเพิ่งมาถึงเชียงใหม่ ผมพยายามย้ายที่อยู่ คิดว่าคงจะเปลี่ยนสถานที่นอนหลังจากนี้ หลังจากที่รบกับสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่นาน
ผมไม่แน่ใจนักว่า...บางครั้ง วันเวลาที่ผ่านไปในชีวิต แต่ละวินาที แต่ละชั่วโมง อาจเป็นระยะเวลาในการเดินทางของชีวิต ผมชอบย้อนกลับไปมองวันเวลาเดิมๆ เรื่องเก่าๆ มันเพียงพอที่จะสามารถทำให้เรามีเรื่องวุ่นๆในจิตใจได้บ้าง บางครั้งความเงียบเหงามันร้ายกาจกับความผิดหวังเสียอีก
มองกลับย้อนเวลาไป...ในตอนที่เดินทางออกมาจากบางกอก ระยะทางที่จากมาก็เท่าเดิม อาจมีเพีงเวลาเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น มากขึ้นในวินาทีที่ผ่านไป บางทีการมองโลกของผมนั้นอาจเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว บางทีหลายสิ่งในตัวผมเปลี่ยนไปโดยที่ผมไม่สามารถรู้ เพียงสังเกตรอบข้าง บางครั้งเรานั้นจึงรู้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป แมวสามสีที่จากเป็นสาวโสด กลับกลายที่เสียสถานะภาพการเป็นโสด ต้นไผ่ที่โตขึ้นในทุกวัน
ยอมรับ...หลายอย่างอาจเปลี่ยนไป ไม่ใช่แต่เพียงผู้อื่น เป็นเราก็เปลี่ยนไปด้วย จากที่เคยร้องไห้ดังๆ ตอนนี้กลับเบาลงกว่าเดิม
.................................

Saturday, November 11, 2006

เสียงบ่นของหัวใจ...

ผมเคยเขียนไว้ครั้งหนึ่งในบันทึก "บางครั้งคนที่เราอยากจะลืมนั้น อาจเป็นคนที่เราควรจดจำไว้" ส่องกระจกเห็นภาพใบหน้าตัวเองอย่างชัดเจน แผลเป็นที่ผากข้างขวา บ่งบอกถึงเหตุการณ์หนึ่งในชีวิต เป็นทุกครั้งที่เห็นมันกลับทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงอดีต ความเจ็บปวดไม่ใช่ปัญหาในวันนี้ เนื่องจากความเจ็บปวดทางร่างกายเพียงไม่นานก็จางหาย แต่ค่ำคืนวันนั้นเป็นคืนที่มีมากกว่าความเจ็บปวด
บาดแผลที่อยู่บนหน้ามีไว้เพื่อย้ำเตือน...ถึงแม้เป็นเพียงบาดแผลเล็กๆ แต่สิ่งที่อยู่ในบาดแผลนั้น ยิ่งใหญ่แม้กระทั่งหลับตาแล้วยังคงรู้สึกได้ มีคนบอกยามที่เรามีบาดแผลในจิตใจ เรามักได้ยินเสียงของหัวใจตัวเอง
เสียงของหัวใจนั้นมันมักจะบ่นเป็นเสียงเบาๆ...เราต้องตั้งใจฟัง มันจะเต้นเป้นจังหวะช้า มีเพียงเราที่จะได้ยินเสียงนั้นเพียงคนเดียว เป็นเพราะว่า ผู้คนนั้นมักไม่ค่อยใส่ใจกับเสียงหายใจของผู้อื่น คนมักจะชอบฟังแต่เสียงหัวใจของตัวเอง นั่นอาจเป็นสาเหตุที่เราไกลจากความจริงใจ
ดึงผ้าห่มคลุมตัวเองในคืนอันเหน็บหนาว เข้าใจเป็นร่างกายที่ได้รับความอบอุ่น เพียงอยากให้เข้าใจ บางครั้งคนเราก็ไม่รู้จักพอ อยากได้ในสิ่งที่ต้องการมากกว่า ในตอนนี้เพียงอยากได้ความอบอุ่นในหัวใจ
มองเหม่อไปที่เพดาน...เห็นแมงมุมชักใยอย่างชัดเจนเป็นเพราะเปิดไฟนอน เป็นเพราะเราป่วยและเผลอนอนหลับไป ลุกขึ้นไปปิดไฟอย่างไม่เต็มใจนัก เพียงเพราะร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่ในใจต้องการความมืด เพียงเพราะความสว่างไม่ส่งผลดีต่ออย่างใดในเวลาที่ต้องจินตนาการภาพถึงใครคนหนึ่ง เพียงต้องการคิดคืนนี้อยากให้เธอมานอนอยู่เคียงข้าง
หลับตา...คิดถึงเธอ คนที่เคยอยากลืม แต่ภาพที่ต้องการเห็นกลับไม่ปรากฏ เป็นเช่นนี้ยามที่เราต้องการกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง สิ่งเดียวที่เกิดในตอนนี้กลายเป็น การที่เราได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองอย่างชัดเจน
......................................................

Sunday, November 05, 2006

ใกล้...

ยามที่พวกคุณป่วย พวกคุณรู้สึกอย่างไรหรือ? ตัวผมเองไน้นไม่ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองป่วยอยู่บ่อยๆ ครั้งที่จำได้หนักๆในชีวิตเป็นตอนที่อยู่ปอสอง ผมจำได้ว่าหลับไปเลยหนึ่งวัน เหตุดกิดเพราะ ชอลิ้วเฮียง หรืออาจบอกว่าเกิดจากไม้เสียบลูกชิ้รไม้เดียวก็ได้
ผมตื่นมาในวันรุ่งขึ้นตอนเย็น...จำอะไรได้ไม่มากนักในเย็นวันนั้น รู้แต่เพียงว่าหลายคนบอก ถ้าส่งผมถึงมือหมอช้าไปเพียงสิบนาที ผมต้องตาย
......................................
หลังๆมีคนบอกเป็นผมที่ป่วย ผมยอมรับว่าใช่ อาจจะเป็นทางจิต ยากไหมที่จะรักษาโรคที่ว่านั้น ผมคิดว่าไม่ยาก เป็นผมเองที่ไม่พยายามจะรักษามัน ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองป่วย ในหลังๆมานี้ ผมป่วยบ่อยทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอาการเช่นนี้มาก่อน อาการหนักขึ้นๆในทุกที และทุกครั้ง ผมได้ยินลมหายใจตัวเองชัดกว่าเดิม จนบางครั้งผมรำคาญมัน หลายครั้งที่ผมไม่อยากได้ยินเสียงมันอีก ไม่ว่าจะตอนที่ตื่นอยู่หรือตอนที่ผมไม่ตื่นก็ตาม
เป็นไปได้ที่ว่า...ถ้าภายในใจเราอ่อนแอ ทุกอย่างก็จะแย่ตามลงไป
.......................................
คนที่เรียนคณิศาสตร์จะรู้ว่า เรามักหาวิธีที่ง่ายที่สุดไปไขกุญแจแห่งปริศนา วิธีที่เหมาะสมกับเรา วิธีที่ง่ายสำหรับเรา ในชีวิตของผมๆคิดว่าคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่ผมถนัดที่สุด ผมเคยถึงกับเกือบบ้าเพราะมัน ผมจมลงไปอยู่กับมันมากกว่าที่คนอื่นใช้เวลาในชีวิตไปอยู่ โชคดีที่ผมไม่เรียนต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงเพราะว่าเรื่องบางเรื่องทำให้ผมต้องถอยออกมา
ปี สองปีที่แล้ว ผมผิดหวังในเรื่องคนรอบข้างที่ผมใช้ชีวิตอยู่ ผมตัดสินใจล้างไพ่ทั้งหมด ลืมทุกคนและตั้งต้นใหม่ ทุกคนในชีวิตใหม่ของผมคล้ายกับต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบตัวผมในเมื่อสองปีก่อน ส่วนต้นไม้ใบหญ้าในตอนนี้คล้ายกับเป็นเพื่อนของผมในเมื่อสองปีก่อน ผมคุยกับสิ่งที่ไม่มีหัวใจมากขึ้น พยายามใส่หัวใจให้มัน พูดกับมัน ผมเชื่อว่าเมื่อเราใส่หัวใจให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพียงเราเชื่อ มันก็จะมีหัวใจ
.....................................
ไข้หวัดมาเยี่ยมเยือนตัวผมเป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งเดือน เหงื่อมากขึ้นกว่าเดิมจนผมอดไม่ไหวต้องไปอาบน้ำ สมองคิดช้ากว่าเดิมมาก แต่ได้ยินเสียงลมหายใจชัดกว่าเดิม มันคล้ายหนักแน่นแต่อ่อนล้า เสียงมันท้อแท้สิ้นหวัง จนผมอดไม่ไหวต้องพูดบางอย่างปลอบใจมัน
น้ำตา...น้ำตาผมไหลอีกแล้ว ผมช่างอ่อนแอกว่าที่ทุกคนคิด แต่ผมไม่เสียใจหรอกนะ บางทีเสียงร้องไห้ของผม มันอาจฟังแล้วหดหู่มากกว่าเสียงลมหายใจของผมเสียอีก
....................................
หลังอาบน้ำแล้วจะมีวูบหนึ่งที่คุณมีสติ ผมฉวยโอกาสนั้นไว้แล้วเขียนบันทึกนี้ให้พวกคุณอ่านกัน บางคนคิดว่าผมไม่แผนการสำหรับชีวิตของผม ผมอยากบอกว่า เป็นทุกอย่างที่ผมวางแผนไว้แล้ว ผมวางแผนแบบคณิตศาสตร์ รวดเร็วและผมสามารถทำเองได้ กับคอมพิวเตอร์เวลามันมีปัญหามากๆคงรีเซ็ทแล้วตั้งใหม่หมด กับผู้คนบางทีอาจแตกต่าง เราไม่สามารถลืมบางอย่างได้หมดจดเหมือนคอมพิวเตอร์ บางทีเราอาจหาวิธที่เหมาะสมกับเรา
ท่ามกลางผู้คนที่วุ่นวายตอนนี้ มีเสียงพลุ เสียงประทัด ผมมองแล้วทำให้ลืมเลือนบางสิ่งบางอย่างไปได้บ้าง คล้ายวิธีสุราบำบัด เพียงอยากลืมเรื่องบางเรื่องในเวลานิดๆ บางครั้งผมยอมเอาเวลาในชีวิตซื้อบางสิ่งเพื่อเวลาที่มีค่าเพียงน้อยนิดนั้น ผมยอมรับ เป็นวิธีที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย
ดูเหมือนว่า...เหงื่อผมเริ่มจะมากขึ้นทุกที
มองพลุที่สวยงามบนท้องฟ้า...อยากเก็บอะไรดีๆฝากให้พวกคุณ ก่อนที่ผมจะเริ่มเหนื่อยอีกครั้ง

.........................................
แสงพลุสว่างไสว เป็นประกาย บนฟ้า
งามแทบจนดวงดารานั้น หวั่นไหว
วูบหนึ่งของแสงพลุ คล้ายชายตามองค้อน ดารา
จนไฟมอด จึงรู้ ดวงดารายัง คงอยู่
..........................................

นั่งสูบบุหรี่อยู่ ข้างร้าน ริมทาง
ต่อมามีคนเดินผ่าน ยอมรับ ทำใจสั่นไหว
กำหนดลมหายใจออก ปล่อยไปเป็น ทางยาว
หลับตาพริ้ม ในความมืด มีภาพอยู่ ภาพหนึ่งจริง
..........................................
ครั้งหนึ่งมีคนถาม เธอชอบสิ่งใดบน ท้องฟ้า
จำได้ว่า ครานั้นทำใจผม หวั่นไหว
เหลือบมองเธอ คล้ายเธอ มองมา
กุมมือเธอตอบ ที่เคียงข้างบนพื้นดิน มิใช่บนท้องฟ้าหรืออื่นใด
..........................................

Thursday, November 02, 2006

การตอบแทน...ของคนขี้ยา

ทุกคนเข้าใจเรื่องของตัวเองเป็นเรื่องที่ทุกข์ ทุกคนเข้าใจเรื่องของตัวเองไม่มีใครเทียบได้ ถึงตอนนี้ผมจึงเข้าใจเรื่องของใครก็คือเรื่องของใคร ไม่มีใครหนักกว่า ไม่มีใครเบากว่า เวลาผ่านไป อายุที่มากขึ้น มันช่วยทำให้เราฟังเพลงได้เพราะกว่าเดิม เข้าใจในเนื้อเพลงมากขึ้น ผมขอขอบคุณเวลา
--------------
บางครั้งเราเจ็บปวดเพราะคนๆหนึ่ง บางครั้งเราฝังใจ ที่แย่ที่สุดคือบางคนปิดกั้นตัวเอง แต่ยังมีที่แย่กว่านั้น เราเอาความเจ็บปวดเพราะคนๆหนึ่งไปทำร้ายคนอีกคนหนึ่ง คนที่มีทุกอย่างเท่าที่เราอยากให้มี คนที่คอยอยู่เคียงข้างเรา เพียงแต่บางครั้งเรามองไม่เห็น
---------------
หลายครั้งที่ผมเหงา หลายครั้งที่ผมมีน้ำตา ผมนอนร้องไห้คนเดียว ไม่นานมานี้มีสิ่งที่เปลี่ยนไป ผมมีคนที่รับฟังผมร้องไห้ ผมมีคนที่รับฟังผมทุกเรื่องซึ่งผมเองไม่เคยได้รับสิ่งที่ว่านี้จากที่ใดมาก่อนในชีวิต ผมยอมรับ ผมดีใจ
----------------------
ภาพในอดีตค่อยจางหายเมื่อเวลาผ่านไป เพียงในใจผมหวังว่าในไม่นาน ภาพเหล่านั้นจะหายไปอย่างถาวร ผมหวังได้เพราะมีเธอคนนั้นเดินเข้ามา ผมดื่มเหล้าไม่เคยเหล้าอร่อยมาเป็นปี จนในช่วงนี้ ผมรู้สึกสุราช่างหอมหวาน
---------------
เคยมีคนบอกคนอย่างผมต้องอยู่คนเดียว ผมไม่เคยเถียงและไม่เคยปฏิเสธ ผมยอมรับ นี่คือเหตุผลที่ผมจากมา โลกช่างเงียบเหงานัก คล้ายเวลาหยุด ยามที่เราอยู่อย่างโดดเดี่ยว เราได้สิ่งหนึ่ง เราเสียสิ่งหนึ่ง ความเงียบเหงามีคนบอกรักษายาก ผมเป็นอาจารย์คณิศาสตร์ หาทางลัดเก่ง แต่เป็นทางที่คนโง่คิด ผมใช้ยา ไม่ฉลาดนัก ผมรู้ ผมอ่อนแอ ไม่ได้คำนวนไว้ในชีวิตต้องอยู่ถึงเท่าไหร่ เพียงแค่อยากไม่ให้ซึมเศร้าไปกว่านี้
--------------
เมื่อคืนผมเสียเพื่อนคนหนึ่ง เหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่ครั้งนี้แตกต่าง ผมทำเธอเสียใจมาก ผิดหวังมาก ทั้งที่เธอดีกับผมอย่างจริงใจ ผมเสียใจตอนนั้นผมไม่ได้เป็นอย่างที่ผมเป็น ผมไม่อยากบอกว่า ผมไม่ได้เป็นตัวผม เพราะการเมาก็เป็นส่วนหนึ่งในตัวผม
-----------
ยากเกินไปไหม...เพียงผมอยากบอกแค่ว่า ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นตัวเอง
-----------
ใช่ผมอาจมักง่ายที่พูดคำนี้...แต่ผมอยากบอก ผมรับผิดชอบคำพูดที่ผมพูดไป ไม่ผิดหรอกที่เธอจะจากไป ผมยอมรับ เพียงอยากให้เธอเข้าใจว่าในตอนนั้นผมไม่ได้เป็นตัวของผมเอง เป็นตอนนี้ที่ผมเป็น
-------------
เบียร์ เหล้า สมุนไพร...สุดท้ายโค้ก สาเหตุแห่งการเปลี่ยนแปลงอารมณ์
--------------
ภาพทุกภาพที่เคยเลือนหายไปตามกาลเวลา เป็นตอนนี้ที่กลับมาใหม่ และชัดยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผมยิ้มและยอมรับมัน เสียงถอนหายใจแรกในตอนเช้ามีให้กับอดีต เสียงถอนหายใจถัดมาขอมอบให้เธอที่เพิ่งจากผมไป
---------
ในเบื้องลึกยังดีใจ...เธอไม่ต้องทนทุกข์ใจในยามที่ผมอ่อนแอ
ในเบื้องลึกยังปลื้มใจ...เธอไม่ต้องคอยรับอารมณ์ในยามที่ผมอ่อนแอ
-------------
ผมยิ้มส่งเธอโดยมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า
แม้ว่าในใจยังมีน้ำตานั้นเจิ่งนอง


................................................................................